1. เลือกทำเลที่ตั้งของบูธ
เลือกตำแหน่งที่คนเดินผ่านบ่อยและมองเห็นได้ง่ายที่สุด เช่น หัวมุม ทางเข้างาน ทางไปห้องน้ำ พื้นที่รับประทานอาหารภายในงาน หรืออาจจะตั้งอยู่ใกล้กับแบรนด์ที่คนนิยม ก็จะทำให้มีคนเห็นบูธเรามากขึ้น
2. ออกแบบบูธและตกแต่งให้โดนเด่นและน่าสนใจ
ดีไซน์รูปแบบ การจัดวาง การเลือกอุปกรณ์ เคาน์เตอร์ ชั้นวางสินค้า ผนัง ใช้สีที่สวยและน่าดึงดูด ให้เข้ากับสินค้าและแบรนด์ อาจตกแต่งพื้นด้วยลายไม้ หรือ หญ้าเทียม ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนและแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
3. มีวัตถุประสงค์ในการจัดงาน และการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
งานที่เราไปจัดบูธ และ สินค้าที่เรานำไปแสดงหรือจัดจำหน่ายนั้น ต้องตรงกับความต้องการของผู้เข้ามาชมและมีประโยชน์กับคนที่เข้ามาในงานมากที่สุด เพราะคนที่เข้ามาในงานนั้นๆจะมีความต้องการในตัวสินค้าอยู่แล้วและงานจะต้องเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว เขาถึงมาเข้าชมสินค้าและการบริการของเรา จึงต้องสามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ได้อย่างดี
4. โปรโมชั่นที่โดนใจ สำหรับคนที่เข้ามาร่วมในงานเท่านั้น
จัดโปรโมชั่นส่วนลด หรือ ซื้อตามจำนวนแล้วจะได้ส่วนลดพิเศษภายในงานนี้เท่านั้น ทั้งการเปิดตัวสินค้า หรือขายสินค้าที่มีอยู่มานานแล้ว เพื่อให้ลูกค้ารายใหม่ได้ลองใช้สินค้าเรา เมื่อราคาถูกรู้สึกว่าคุ้มลูกค้าจะเปิดใจลองสินค้าเราได้ง่ายขึ้น
5. สร้างสีสันด้วยพริตตี้ MC พรีเซนเตอร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีพริตตี้ MC ที่บูธจะช่วยให้บูธมีความโดดเด่นและมีสีสันมากขึ้น สร้างความเอนเตอร์เทนให้กับลูกค้าได้ จะทำให้สินค้าของเราดูน่าสนใจมากขึ้น และสามารถเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากเราจะเป็นคนเริ่มพูดคุยกับลูกค้าก่อน บอกรายละเอียดและราคาให้ลูกค้าได้ทราบก่อนในสินค้าบางรายการจะทำให้ลูกค้า หรือผู้เข้ามาชมกล้าเข้ามาดูสินค้าเรา และพูดคุยกับเรามากขึ้น และจะได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกลุ่มมากขึ้น
6. สร้างความครึกครื้นด้วยเกมและกิจกรรมต่างๆ
เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะดึงลูกค้าเข้ามาที่บูธได้ ก็คือการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้าและแบรนด์ เช่น การจัดกิจกรรมตอบคำถาม การถ่ายรูปแชร์บูธ การแจกสินค้า ให้ลูกค้า อีกทั้งหากลูกค้าช่วยโฆษณาแบรนด์ของเรา ก็จะมีของรางวัล บัตรส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้า